|
แต่ถ้าใครมีโอกาสไปสัมผัสกับความน่าสนใจของเมืองหม้อห้อมไม้สัก ถิ่นรักพระลอแบบให้เวลาสักหน่อย ก็จะพบว่าในความเรียบง่ายของแพร่มีแง่งามแฝงเร้นอยู่ไม่น้อย ทั้งธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม วัดวาอาราม อาหารการกิน วิถีชีวิต และสาวๆเมืองแพร่ที่น่ารักเปี่ยมไมตรี | ||||
ม่อนเสาหินพิศวง นานมาแล้วที่ความมหัศจรรย์เล็กๆของธรรมชาติ อย่างกลุ่มเสาดิน“แพะเมืองผี” เป็นหนึ่งในเสน่ห์ดึงดูดให้คนมาเที่ยวเมืองแพร่ มาวันนี้แพร่ได้เผยโฉมความมหัศจรรย์เล็กๆของธรรมชาติขึ้นอีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือ “ม่อนเสาหินพิศวง” ที่ตั้งอยู่ที่บ้านนาพูน พัฒนา ต.นาพูน อ.วังชิ้น ซึ่งจะน่าพิศวงแค่ไหนคงต้องตามไปดูกัน | ||||
“เคยมีคนเอาก้อนหินออกไปจากม่อน พอไปถึงที่บ้านก้อนหินกลายเป็นงูไปได้ยังไงไม่รู้ ส่วนบางคนเอาไปฝันร้าย อยู่ไม่เป็นสุข ต้องนำหินมาคืน” ลุงรุณ พรหมจันทร์ เล่าให้เราฟัง | ||||
“เรามองการเกิดม่อนหินเหล่านี้เป็นวิทยาศาสตร์แต่ก็ไม่ไปทำลายความ เชื่อของชาวบ้าน ชื่อจุดต่างๆของม่อนเสาหินเราจึงตั้งชื่อตามความเชื่อของชาวบ้าน” ผู้ว่าเมืองแพร่กล่าว | ||||
ทั้งนี้ทางจังหวัดแพร่ได้ทำการปรับปรุงภูมิทัศน์ม่อนเสาหินให้เป็น แหล่งท่องเที่ยวที่แม้ปัจจุบันยังไม่เสร็จสมบูรณ์แต่ว่าก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อ การเดินเที่ยวชม โดยม่อนหินแห่งนี้ แบ่งเป็นจุดสำคัญๆ 8 ม่อน ย่อย ซึ่งที่เด่นๆมี | ||||
“ม่อนเจ้าคำคือ” เป็นเสาหินก้อนหินจำนวนมาก มีทั้งตั้งตรง ล้มเอียง ตั้งเป็นกลุ่มกระจุก และกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ สำหรับชื่อม่อนตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าคำคือ ผีอีกตนหนึ่งที่ชาวบ้านนั้บถือ | ||||
และ“ม่อนเสาหินพิศวง” ม่อนไฮไลท์ ที่เป็นแท่งหินสูงประมาณ 3 เมตร เรียงตัวติดกันเป็นคูหาห้อง ชาวบ้านที่นี่เชื่อว่านี่คือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์จึงมีคนมาบนบานศาลกล่าวและ นำธูปเทียนมาเคารพสักการะที่ม่อนแห่งนี้ | ||||
| ||||
มาเที่ยวทริปนี้ เราได้สัมผัสกับอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่เปิดตัวใหม่แต่ไม่ใหม่ของจังหวัด แพร่ นั่นก็คือ “ถ้ำผานางคอย” ที่บ้านผาหมู อ.ร้องกวาง พูดอย่างนี้หลายคนอาจงง แต่เรื่องของเรื่องก็คือ ถ้ำผานางคอยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่คู่เมืองแพร่มาช้านานแล้ว เพียงแต่ว่าของเก่านั้นเป็นการปล่อยไปตามอัตภาพ จนเมื่อทางจังหวัดกับอบจ.เข้ามาปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ จึงเกิดเป็นถ้ำผานางคอยในมิติใหม่ขึ้น | ||||
ดังนั้นการพัฒนาถ้ำจึงเป็นไปในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งทางอบจ.แพร่ได้ให้นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาถ้ำเพื่อการท่อง เที่ยว จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้และศิลปากรมาช่วยจัดตกแต่งภูมิทัศน์ ใส่แสง สี เสียง เทคนิคสมัยใหม่ และสร้างเส้นทางเดินท่องเที่ยวในพื้นที่ประมาณ 150 เมตร กว้างราว 20 เมตรของถ้ำ โดยดึงเอาตำนานรักอมตะของถ้ำแห่งนี้มาผูกเป็นเรื่องราวเชื่อมโยงกับจุดน่า สนใจต่างๆภายในถ้ำ | ||||
...เมื่อ 800 กว่าปีที่แล้ว เจ้าเมืองแห่งอาณาจักรแสนหวีมีราชธิดาผู้เลอโฉม มีพระนาม “เจ้าหญิงอรัญญณี” วันหนึ่งเจ้าหญิงเสด็จโดยชลมารคแล้วเกิดเรือล่ม คะนองเดช(ชื่อตามแอนนิเมชั่น เข้าใจว่าเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นภายหลัง)ทหารหัวหน้าฝีพายได้เข้ามาช่วยเหลือ เจ้าหญิงแล้วเกิดรักกัน แต่ก็เหมือนตำนานรักไม่สมหวังทั่วไป คือฝ่ายพระราชบิดากีดกันเพราะเห็นว่าไม่เหมาะสมกัน ทั้งคู่จึงพากันหนีลงมาทางใต้โดยมีทหารไล่ติดตามอย่างกระชั้นชิดจนเจ้าหญิง ถูกยิง คะนองเดชจึงพาเจ้าหิงมาหลบในถ้ำแห่งนี้ เจ้าหญิงเห็นว่าคะนองเดชกำลังเพลี่ยงพล้ำจึงให้หนีไปก่อน โดยบอกว่าจะคอยทหารอันเป็นที่รักแห่งนี้ตลอดไป กลายเป็นก้อนหินนางคอยกับตำนานรักอมตะปนเศร้าของถ้ำผานางคอยแห่งนี้... | ||||
“คูหาสวรรค์” เป็นโพรงถ้ำปากทางเข้ามีหินย้อยลักษณะคล้ายมือขนาดใหญ่ เชื่อว่าเจ้าหญิงอรัญญณีเคยมาพักพิงที่นี่ | ||||
“เนรมิตม่านแก้ว” เกิดจากหินงอกหินย้อยบรรจบกัน เป็นรูปทรงคล้ายผ้าม่านอ่อนช้อยสวยงามขนาดใหญ่ | ||||
และ ”อลังการแห่งรักอรัญญณี” เป็นหินรูปร่าง ประหลาด ที่ชาวบ้านเชื่อว่าเจ้าหญิงอรัญญณีอุ้มลูกคอยคนรักจนกลายเป็นหินที่นี่ จึงเรียกว่า“หินนางคอย” ซึ่งหากมองถูกจุดถูกมุมแล้วจินตนการตามจะดูคล้ายผู้หญิงกำลังอุ้มลูกผินหน้า ไปทางหนึ่ง | ||||
และนี่ก็คือเรื่องราวของ 2 แหล่งท่องเที่ยวเปิดตัวใหม่ ถือเป็นอีกบางส่วนบางมุมของเมืองแพร่เมืองผ่าน ที่หากใครผ่านแล้วไม่ผ่านเลยก็จะรู้ว่าแพร่มีสิ่งดีๆชวนค้นหาเกินกว่าความ คาดคิดคำนึงของใครหลายๆคนอยู่ไม่น้อยเลย | ||||
***************************************** |